ร้านขาย วิทยุทรานซิสเตอร์ สามารถฟัง FM AM ได้ เครื่องบางรุ่นเป็นวิทยุเล่น MP3 และบลูทูธได้ มีหลายขนาดทั้งเล็กสำหรับพกพา ไปจนถึงขนาดใหญ่ ยี่ห้อไหนดี ๆ เรามีให้เลือก เราคัดสรรวิทยุทรานซิสเตอร์มาให้คุณได้สัมผัสในราคาถูก หลายแบบหลายสไตล์
หัวข้อสำคัญ
วิทยุทรานซิสเตอร์ คืออะไร?
อุปกรณ์ที่เรียกว่าเครื่องเล่นวิทยุทรานซิสเตอร์ หรือเรียกว่าเครื่องเล่นวิทยุ คือ ตัวรับสัญญาณที่ส่งมาจากหอวิทยุกระจายเสียง เป็นเครื่องมือที่ใช้งานรับฟังข่าวสารและรับความบันเทิงอันหลากหลายด้วยวิธีการ “ฟัง” ในอดีตตัวเครื่องรุ่นเก่า ๆ จะมีขนาดใหญ่ และการรับสัญญาณที่ส่งมานั้นไม่ค่อยดีนัก เสียงที่ได้ยินเบามาก จนจำเป็นต้องใช้หูฟังกันเลยทีเดียว แต่ด้วยการปรับปรุงพัฒนามาเรื่อย ๆ จึงทำให้เรามีเครื่องเล่นที่มีขนาดกะทัดรัด พกพาได้ง่าย เสียงชัดใส ด้วยคลื่นยอดฮิตอย่าง FM และ AM สามารถใช้งานได้สะดวก หลากหลายฟังก์ชั่นอย่างในปัจจุบันที่มากกว่านิยามคำว่าวิทยุแบบแต่ก่อน แม้ว่าจะมีเทคโนโลยีอื่น ๆ เข้ามาแทนที่อย่างมากมายแล้วก็ตาม เครื่องเล่นชนิดนี้ก็ยังเป็นเพื่อนแก้เหงาให้กับผู้คนอยู่เช่นเดิม
ยุคเริ่มต้นของเครื่องเล่นวิทยุเริ่มต้นขึ้นเมื่อไหร่?
ก่อนที่ยุคสมาร์ทโฟนจะเกลื่อนเมือง ต้นกำเนิดที่มาของเครื่องเล่นวิทยุทรานซิสเตอร์มีเรื่องราวความเป็นมาที่น่าสนใจ และอยู่ในประวัติศาสตร์ไทยมายาวนาน แต่ก่อนที่จะเข้าสู่เมืองไทย มันมีต้นกำเนิดมาจากประเทศรัสเซีย ราว ๆ ปี พ.ศ. 2439 ยังเป็นเครื่องมืออิเล็กทรอนิกส์ที่ถูกจัดแสดงในงาน ไม่ได้ถูกใช้แพร่หลายแต่อย่างใด
การเดินทางเข้ามาของเครื่องเล่นวิทยุในประเทศไทย ดูเหมือนจะเริ่มต้นในช่องปี พ.ศ.2470 ที่้ตั้งแรกเลยก็คือ “ที่ทำการไปรษณีย์โทรเลข” เป็นจำนวน 1 เครื่อง ด้วยพลังงานที่ใช้มากถึง 200 วัตต์กันเลยทีเดียว ในตอนนั้นถูกนำมาใช้ควบคุมการทำงานต่าง ๆ ของกรมไปรษณีย์โทรเลข
สมัยนั้นยังไม่เรียกว่าทรานซิสเตอร์ แต่เริ่มพัฒนาให้มีขนาดเล็กลง ใช้งานง่ายขึ้นในช่วงปี พ.ศ. 2500 แต่ก็ยังถือว่ามีขนาดใหญ่มากอยู่เช่นเดิม แถมยังต้องใช้กำลังไฟสูง ถ้านึกภาพไม่ออกให้ลองนึกถึงตู้เพลงเก่า ๆ โบราณสุดคลาสสิคเมื่อก่อนที่ชอบตั้งอยู่ตามร้านคาราโอเกะ ก็น่าจะประมาณนั้นได้… แถมคนที่มีใช้ยังถือว่าเป็นคนรวยมีอันจะกิน เพราะราคาหลายพันบาทในยุคสมัยนั้น
เลือกซื้อวิทยุทรานซิสเตอร์ AM FM ยี่ห้อไหนดี?
ในการเลือกซื้อวิทยุสักเครื่องมาใช้งาน แล้วไม่รู้ว่าจะเลือกซื้อ วิทยุทรานซิสเตอร์ยี่ห้อไหนดี ก็อาจบอกแบบตายตัวกำปั้นทุบดินเลยไม่ได้ว่าต้องยี่ห้อนั้น หรือยี่ห้อนี้เท่านั้น เพราะยังมีหลายปัจจัยที่ควรนำมาพิจารณาในการเลือกซื้อ เช่นเดียวกันกับเครื่องเล่นต่าง ๆ ไม่ว่าจะเป็นการรับส่งสัญญาณ ลักษณะการใช้งาน ไปจนถึงกำลังทรัพย์ในการซื้อ ดังนั้นลองมาใช้ข้อมูลเหล่านี้เป็นพื้นฐานในการพิจารณาก่อนตัดสินใจซื้อว่าเครื่องเล่นวิทยุยี่ห้อไหน ที่จะตรงใจคุณมากที่สุด? สำหรับวิทยุยอดฮิตกับประเทศไทยเรา เป็นวิทยุที่ฮิตที่สุดและได้รับความนิยมมานานจนถึงปัจจุบัน
1.เรื่องของคลื่นสัญญาณวิทยุคือหัวใจ
เมื่อเลือกซื้อวิทยุ สิ่งที่เราต้องการคือความชัดของตัวคลื่นสัญญาณ ถ้าวิทยุรับคลื่นสัญญาณได้ไม่ดี มันก็กลายเป็นแค่ของที่ไม่มีประโยชน์ ดังนั้นการเลือกว่าวิทยุยี่ห้อไหนรับสัญญาณได้ดี ก็แนะนำว่าเลือกซื้อเครื่องที่ “เป็นที่ต้องการของตลาด” คุ้นหู คุ้นตา คุ้นชื่อในด้านดี และได้รับความนิยม ซึ่งการรับสัญญาณคลื่นไม่ใช่ว่าเราอยู่ใกล้ หรือไกลเสาสัญญาณเท่านั้น แต่ถ้าตัวเครื่องไม่ดี เอาให้ใกล้แค่ไหนก็รับสัญญาณไม่ดีเหมือนเดิม ซึ่งปกติจะมีให้เลือกเป็นระบบที่เรียกว่า MONO Superheterodyne และแบบ Synthesized ซึ่งแบบแรกจะรับสัญญาณได้ดีและชัดกว่า ลองถามร้านขายดูก็ได้ว่ารุ่นไหนเป็นแบบ MONO แล้วเก็บมาไว้ในลิสต์ก่อนก็ได้
2.ขนาดที่เลือกใช้ต้องเหมาะสม
วิทยุในปัจจุบันย่อส่วนลงมาแล้ว แต่กระนั้นก็ยังมีขนาดที่หลากหลายในการใช้งานอยู่ดี ไม่ว่าจะขนาดใหญ่เพื่อเน้นดอกลำโพง หรือขนาดเล็กกะทัดรัดสำหรับพกพา ถ้าใช้งานอยู่บ้านเป็นหลัก อาจจะเลือกรุ่นใหญ่หน่อยเพื่อจะได้ฟังเสียงที่ดังชัดสะใจ แต่ถ้าชอบเน้นเดินทาง อยากพกทรานซิสเตอร์สักเครื่องติดกระเป๋าไปด้วย แนะนำว่าขนาดเล็กพกพาสมัยนี้มีให้เลือกเพียบ ไม่เกะกะกระเป๋า เลือกดี ๆ เสียงและคลื่นก็แจ่มแจ๋วไม่แพ้เครื่องใหญ่ ๆ อีกด้วย
3.ระบบเสียงของลำโพง
ลำโพงวิทยุในปัจจุบันจะมีระบบเสียงที่มีคุณภาพมากขึ้น ซึ่งก็จะมีราคาที่สูงขึ้นตามไปด้วยนั่นเอง ถ้าชอบฟังความบันเทิงแบบจัดเต็ม แนะนำว่าให้เลือกลำโพงเป็นระบบ stereo จะมีการแยกเสียงซ้ายและขวา ได้ความมันส์มากกว่า ทว่ามีข้อเสียในด้านรับสัญญาณ ซึ่งถ้าจะเอาเน้นฟังไม่เน้นสะดุด ก็แนะนำว่าเลือกใช้ระบบ mono ธรรมดาเอาก็ได้ แบบนี้ก็แก้เหงาได้ไม่แพ้กัน ราคาก็ถูกกว่า คลื่นสัญญาณชัดใสกว่าด้วยในระดับที่ไม่ชวนหงุดหงิด
4.ลูกเล่นและฟังก์ชั่นเสริม
ด้วยการพัฒนาวิทยุทรานซิสเตอร์สมัยนี้ ไม่ได้จบไว้แค่ที่ AM หรือ FM เท่านั้น แต่ยังมีลูกเล่นอื่น ๆ เสริมเข้ามาเป็นการแข่งขันในตลาดที่มีสมาร์ทโฟนเป็นทุกอย่างให้กับผู้คน วิทยุจึงมีลูกเล่นการเชื่อมต่อบลูทูธเข้ามา สามารถรองรับ MP3 ได้ มีช่องสำหรับเสียบหูฟัง มีจอ LCD แทนแบบหมุนรุ่นเก่า ๆ ไปจนถึงแบบมี USB เสียบฟังเพลงก็ได้ ทั้งหมดนี้สามารถรวมอยู่ในเครื่อง ๆ เดียวได้ แต่! ก็ต้องพิจารณาด้วยว่ามันคุ้มค่าที่จะซื้อมาใช้หรือไม่ เพราะถ้าคุณเลือกซื้อไปให้คุณยายที่บ้านที่ไม่ได้สนใจอะไรมากไปกว่าได้ฟังวิทยุคลื่นโปรดสักช่อง แถมยังไม่รู้จักบลูทูธหรือ USB อันนี้ก็ไม่คุ้ม เสียเงินเปล่า ดังนั้นก่อนซื้อก็ดูด้วยว่า ลูกเล่นที่ได้ไปนั้น คนที่รับไปเขาจะใช้งานเป็น หรืออยากใช้งานมันด้วยหรือเปล่า
สมัยนี้วิทยุทรานซิสเตอร์มีลูกเล่นอะไรน่าสนใจบ้าง?
หลัก ๆ ความน่าสนใจของเครื่องเล่นวิทยุทรานซิสเตอร์สมัยนี้ก็มีลูกเล่นที่น่าตื่นตาตื่นใจไม่ต่างกันมากนัก นั่นก็คือระบบที่รองรับการเล่น FM/AM แล้วยังรองรับการเล่นไฟล์เพลง MP3 สามารถเชื่อมต่อให้ทำหน้าที่เป็นลำโพงไร้สาย หรือจะใช้งานแบบบลูทูธก็ได้ สามารถรองรับการใช้งานผ่านช่องเสียบ USB หรือช่องเสียบ TF Card เล่นเพลงผ่านอุปกรณ์เหล่านี้ได้
ในส่วนของลำโพงจะมีการพัฒนาระบบเสียง Dolby เพลิดเพลินชัดแจ๋วไปกับการฟังเพลงและความบันเทิงต่าง ๆ ได้สมใจอยาก นอกเหนือจากนี้ยังมีลูกเล่นการใช้ไฟฟ้า ซึ่งรุ่นเก่า ๆ จะใช้ถ่านก้อนใหญ่ที่ดูจะลำบาก หรือต้องใช้ไฟบ้านเท่านั้นถึงจะเปิดได้ พกพาไปไหนก็ไม่สะดวก เลยผุดลูกเล่นเป็นแบตเตอรี่ในตัว ชาร์จไฟเก็บไว้ใช้งานนอกสถานที่ไม่มีไฟฟ้าก็ได้ ส่วนอีกแบบที่น่าสนใจไม่แพ้กันคือแบบที่มีแผงโซล่าเซลล์ เปลี่ยนพลังงานแสงอาทิตย์ให้เป็นพลังงานไฟฟ้า เอามาไว้ใช้งานแทนไฟบ้านได้อีกหนึ่งทางเลือก
หลักการทำงานของวิทยุทรานซิสเตอร์ที่น่าสนใจ
การรับสัญญาณของระบบคลื่น ไม่ว่าจะเป็น AM หรือ FM มีหลักการทำงานดังนี้ที่น่าสนใจ ก็คือการทำหน้าที่เป็นเครื่องรับสัญญาณจากสถานีต้นทาง หรือเรียกว่า “เครื่องมือสื่อสารทางเดียว” คือเป็นผู้รับ ไม่สามารถส่งกลับได้ โดยจะรับคลื่นจากสายอากาศ ก่อนจะถูกส่งไปยังภาคขยาย ส่วนช่วงความถี่ของคลื่นจะกว้างแค่ไหนก็ขึ้นอยู่กับว่าเราจะเลือกใช้งานเป็น AM หรือ FM
แต่ละสถานีที่ปล่อยสัญญาณออกมา จะมีความถี่เป็นของตัวเอง เราก็ใช้การหมุนหาคลื่นความถี่นั้น ๆ ถ้าต้องการรับฟังสถานีไหนเป็นหลัก จากนั้นตัวเครื่องจะมีส่วนของวงจรขยายความถี่ ขยายสัญญาณที่เบาให้แรงขึ้น โดยมีวงจรดีเทคเตอร์ตัดเอาคลื่นสัญญาณที่รบกวนออกไป เหลือเพียงแค่สัญญาณความถี่เสียงอย่างเดียวเท่านั้น เพื่อส่งต่อไปที่วงจรขยายเสียง ให้เสียงดังขึ้น เพื่อส่งต่อไปยังลำโพง เมื่อลำโพงได้รับสัญญาณไฟฟ้าดังกล่าว ก็จะเปลี่ยนเป็นสัญญาณเสียง ส่งออกมาให้เราได้ยิน โดยคลื่นสัญญาณ AM(Amplitude Modulation) มีสัญญาณเสียงที่แย่กว่า FM(Modulation Frequency)
การถูกรบกวนเมื่อเทียบกันแล้ว FM จะได้รับผลกระทบน้อยกว่า คุณภาพเสียงที่ได้ยินจะดีกว่า ช่วงความถี่ของ AM จะอยู่ที่ 535 – 1705 KHz ส่วน FM นั้นจะอยู่ที่ 88 – 108 MHz มีความถี่ไม่สม่ำเสมอ ส่วน AM จะมีความถี่สม่ำเสมอกว่า ส่วนของเสาอากาศที่ยังคงต้องมีอยู่นั้นทำหน้าที่เป็นตัวรับคลื่นสัญญาณ เหนี่ยวนำทำให้เกิดกระแสไฟฟ้า ก่อนส่งเข้าไปในตัวรับต่าง ๆ ดังที่กล่าวไปข้างต้น
ทำไมต้องเลือกซื้อเครื่องเล่นวิทยุจากร้านขายส่ง HVGROUP ?
หากว่าคุณกำลังมองหาเครื่องเล่นวิทยุทรานซิสเตอร์ที่มีคุณภาพในการใช้งานที่ยาวนานและคุ้มค่าแล้วล่ะก็ แน่นอนว่าที่ HVGROUP คือแหล่งขายเครื่องรับวิทยุ fm และ am พร้อมตอบโจทย์ความต้องการของคุณได้หลากหลาย ไม่ว่าจะซื้อไปใช้เอง ซื้อไปฝากพ่อแม่ ปู่ย่า ตายาย คนเฒ่าคนแก่ที่้บ้านที่ยังหลงใหลในมนต์เสน่ห์ของเครื่องเล่นวิทยุอยู่ล่ะก็ เรามีจำหน่ายตั้งแต่รุ่นยอดฮิตที่ใคร ๆ ต่างก็มั่นใจ ไปจนถึงรุ่นที่มีลูกเล่นหลากหลาย ทั้งเครื่องเล็ก เครื่องใหญ่ ก็มีให้ทั้งนั้น
มาสัมผัสกับการเลือกซื้อสินค้ากับเราแค่ที่นี่ที่เดียวก็คุ้ม! ไม่ต้องเดินทางไปหลาย ๆ ที่ให้เสียเวลา ไม่ว่าจะปลีกหรือส่ง เราก็พร้อมเปิดต้อนรับทุกท่านให้เข้ามาแวะชมเลือกหาวิทยุในราคาที่ถูกและเป็นสินค้าที่มั่นใจได้เลยว่าร้านค้าส่งของเราได้คัดสรรมาแล้วเป็นอย่างดี นำไปขายต่อก็ได้กำไรงาม นำไปใช้เองก็ได้กำไรทางใจกันไป จะไลฟ์สไตล์แบบไหน เราตอบโจทย์คุณได้ชัวร์