ร้านขายส่งหลอดไฟ LED ขนาดทั้งเล็กและใหญ่ มีทั้งแบบวงกลม แบบยาว ทั้งแสงขาว แสงเหลืองแบบวอมไวท์ เป็น หลอดไฟ led ไม่ต้องใช้สตาร์ทเตอร์ ใช้งานมาตรฐานขั้ว E27 ด้วยไฟบ้าน 220V ไม่ว่ายี่ห้อไหนดี รุ่นไหนดี เราพร้อมจำหน่าย ซื้อขายง่ายไม่ว่าจะใกล้ไกล สั่งซื้อกับได้สะดวก รองรับการขายผ่านแพลตฟอร์มออนไลน์ ทุกชิ้นคัดสรรมาให้เพื่อตอบโจทย์ กำลังวัตต์ตั้งแต่น้อยไปจนถึงสว่างขั้นสุด บอกเลยไม่ผิดหวัง

ซื้อหลอดไฟ led ราคาถูกและดีต้องที่ร้านขายส่ง HVGROUP

เราคือศูนย์รวมหลอดไฟ LED ระดับคุณภาพ ผ่านการคัดสรรมาเป็นอย่างดี เปลี่ยนหลอดไฟบ้านแบบเดิม ๆ กันได้แล้ววันนี้ สั่งซื้อกับเราได้สะดวกสบาย มีหลากหลายชนิดให้เลือกสรร มั่นใจได้เลยว่าการซื้อสินค้าจากร้าน HVGROUP คุณจะได้รับความคุ้มค่า ราคาที่ไม่แพงจนเกินเอื้อม อุ่นใจกับการบริการทางเลือกที่มีให้ทั้งการสั่งซื้อผ่านระบบออนไลน์

มีหน้าร้านชัดเจนให้ลูกค้าทุกท่านสามารถเดินทางเข้ามาสัมผัสสินค้าด้วยตัวเองได้ ไม่ว่าจะอยู่จุดไหนของประเทศไทย บอกเลยว่าที่ร้านของเราพร้อมจัดส่งหลอดประหยัดไฟที่มีประสิทธิภาพให้คุณถึงที่ได้ โดยไม่จำเป็นต้องเดินทางมาเองให้เสียเวลา สต็อกแน่น ๆ ด้วยหลอดไฟหลากหลายประเภท กำลังวัตต์มากน้อยตามต้องการ มีแสงมาตรฐานคือ Cool white, Day light และ Warm white นอกจากนี้ยังมี LED แสงสีอื่น ๆ ที่คุณสามารถค้นพบได้ที่นี่

หลอดไฟ led คืออะไร ทำไมยุคนี้ทุกที่ต้องใช้ ?

แสงสว่างเป็นองค์ประกอบสำคัญในการดำรงชีวิตของมนุษย์ไปแล้ว ดังนั้นจึงไม่แปลกที่ทุกบ้าน ทุกอาคาร ทุกที่พักอาศัยจะต้องมี “ความสว่าง” เอาไว้ใช้ และความสว่างที่ว่านั้นก็คือหลอดไฟหลากหลายชนิด ตั้งแต่อดีตมาจนถึงปัจจุบันได้รับการพัฒนามาอย่างต่อเนื่อง และด้วยเทคโนโลยีที่ทันสมัย เราได้เข้าสู่ยุคที่หลอดไฟธรรมดา ๆ ถูกเปลี่ยนให้เป็นหลอดไฟ LED ที่ได้รับความนิยม…และความนิยมนั้นก็แพร่ขยายจากบ้านสู่บ้าน สู่ทุกแห่งหนที่มีผู้คนอาศัยและต้องการแสงสว่าง กลายเป็นชนิดของหลอดไฟที่ได้รับความนิยม เพราะคุณสมบัติที่ดีเยี่ยมในตัวของมันนั่นเอง

ถ้าจะอธิบายว่าหลอดไฟ LED คืออะไรนั้น… เราตอบแบบหลวม ๆ เอาไว้ก่อนว่า นี่คือหลอดไฟที่ให้แสงสว่างเช่นเดียวกันกับหลอดไฟชนิดอื่น ทว่าสิ่งที่แตกต่างออกไปนั้นคือประสิทธิภาพ มันถูกผลิตขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาเกี่ยวกับแสงสว่างที่เราต้องเผชิญกันมาในอดีต ด้วยลักษณะการให้แสงสว่าง เมื่อเทียบกับกำลังวัตต์(W) เดียวกัน หลอดชนิดนี้ใช้พลังงานไฟฟ้าเพียงเล็กน้อยเท่านั้น เมื่อเทียบกับหลอดนีออนหรือฟลูออเรสเซนต์ ราว 8-10 เท่าเลยทีเดียว

คำว่า LED ย่อมาจากคำว่า Light Emitting Diode โดยมีหลักการทำงานคือ กระแสไฟฟ้าจะไหลเข้าไปในสารกึ่งตัวนำที่มีอิเล็กตรอน ตัวนำที่สัมผัสกับไฟฟ้าจะเริ่มเคลื่อนที่ เกิดการเรืองแสงขึ้นมา กลายเป็นแสงสว่างนั่นเอง

องค์ประกอบด้านในของหลอดไฟจะมีส่วนที่เรียกว่า LED Chip เป็นหัวใจสำคัญที่ทำหน้าที่แทนไส้หลอด ส่วนนี้ยังทำหน้าที่กำหนดแสงสีต่าง ๆ ด้วย สามารถเปิดใช้งานต่อเนื่องได้นานโดยไม่ส่งผลให้เกิดความร้อนมากเกินไป แถมยังมีส่วนที่เรียกว่าไดร์เวอร์ คือวงจรอิเล็กทรอนิกส์ขนาดเล็ก ทำหน้าที่กระจายกระแสไฟฟ้าส่งไปยัง LED Chip การใช้งานแต่ละครั้งจะมีแผ่นระบายความร้อนภายใน จึงมั่นใจได้เลยว่าหลอดไฟ led จะไม่มีปัญหาขั้วหลอดละลายอย่างแน่นอน และองค์ประกอบสุดท้ายคือฝาขอบ ซึ่งมีหลากหลายรูปแบบ หลายขนาด ครอบปิดส่วนประกอบทั้งหมดเอาไว้ให้อยู่ด้านใน อีกทั้งส่วนของฝายังช่วยกระจายแสงสว่างออกมาให้เป็นวงกว้างสม่ำเสมอ แสงนวลสบายตามากขึ้นด้วย

การพัฒนาอย่างต่อเนื่องทำให้หลอด LED ยังมีหลายระบบ ไม่ว่าจะเป็นแบบกระพริบ, เปลี่ยนสีได้, หรี่ไฟให้แสงมากหรือน้อยได้ เป็นต้น จึงไม่แปลกที่เราจะหันมาใช้หลอดไฟประเภทนี้กันมากขึ้น ด้วยคุณสมบัติที่ดีเยี่ยม มีแสงหลายแบบให้เลือก ไม่มีไส้หลอดที่เกิดการเผาไหม้ จึงทำให้อายุการใช้งานยาวนาน ที่สำคัญกินไฟน้อย จึงเป็นทางเลือกใหม่ของผู้คนยุคนี้ที่ตอบโจทย์ได้อย่างดีเยี่ยม

เทคนิคเลือกซื้อหลอดไฟ led ยี่ห้อไหนดีที่คุ้มค่า ?

ในปัจจุบันหลอดไฟ LED มีราคาถูกลงมากเมื่อเทียบกับแต่ก่อน แถมยังมีประสิทธิภาพการทำงานดีขึ้นเรื่อย ๆ ในเรื่องของราคาและคุณภาพ ไม่ว่าจะยี่ห้อไหนก็ตาม เราควรรู้รายละเอียดก่อนตัดสินใจซื้อด้วยหลักพิจารณาง่าย ๆ ดังนี้ คือ

1. ขั้วของหลอดไฟควรเป็นแบบมาตรฐาน E27

โดยปกติขั้วหลอดไฟบ้านที่ใช้งานกันแพร่หลายก็คือขั้วแบบ E27 ดังนั้นเพื่อความชัวร์ในการเลือกซื้อ เราก็ควรเลือกหลอดไฟ LED ที่เป็นขั้วชนิดเดียวกันด้วย จะได้ไม่ต้องไปตามหาซื้อขั้วแบบใหม่มาต่อเสริมให้ยุ่งยาก นอกจากนี้อาจมีบางรุ่นที่ใช้เป็นขั้ว E14 และ E12 ด้วย ดังนั้นก่อนซื้อ ให้ดูที่กล่องก่อนว่าหลอดไฟเป็นขั้วแบบไหน จะได้ไม่พลาดซื้อมาแล้วใช้งานไม่ได้

2. เช็คค่าพลังงานที่บรรจุภัณฑ์ก่อน

ค่าพลังงานหรือค่า “วัตต์” ที่ใช้ตัวย่อคือ W ยิ่งวัตต์สูง ยิ่งสว่างมาก ดังนั้นก็ยิ่งใช้ไฟมาก ก่อนจะเลือกซื้อ ก็ดูให้ดีด้วยว่าระดับวัตต์ประมาณไหนที่ควรใช้ได้อย่างพอเหมาะพอดี ไม่มากไม่น้อยเกินไป แต่จะเปรียบเทียบว่ายี่ห้อไหนดีกว่ากัน ก็ต้องมาดูที่ค่าลูเมน (Lumen) สมมติว่าหลอดยี่ห้อ A ขนาด 15W ให้แสงสว่างที่ 1,500 ลูเมน กับยี่ห้อ B ขนาด 12W ให้แสงสว่างที่ 1,500 ลูเมน แบบนี้เราต้องเลือกยี่ห้อ B เพราะกินไฟที่ 12W แต่กลับให้แสงสว่างได้เทียบเท่ากับยี่ห้อแรกที่กินไฟมากถึง 15W นั่นเอง

3.ระบบระบายความร้อนต้องดี

เนื่องจากหลอดไฟ LED จะผลิตออกมาให้มีระบบระบายความร้อนด้านใน แต่ละยี่ห้อจะมีประสิทธิภาพต่างกัน ถ้าเป็นชนิดที่ดี ๆ หน่อยจะมีการออกแบบให้ตำแหน่ง Sink ระบายความร้อนมีขนาดใหญ่เป็นพิเศษ ช่วยระบายความร้อนที่มาจาก Chip LED ออกไปได้รวดเร็ว ไม่สะสมจนทำลายวงจรด้านใน ทำให้มีอายุการใช้งานยาวนาน ยี่ห้อไหนมีแบบนี้ ก็แนะนำว่าให้เลือกเอาไว้ในใจก่อนได้เลย

4.ระบบ Driver ปลอดภัยสูง และทนทาน

นี่อาจจะเป็นส่วนที่หลายคนไม่ค่อยรู้ในเรื่องของ High safety System ซึ่งหลอด LED ที่มีคุณภาพ จะถูกออกแบบให้มีระบบรักษาความปลอดภัย ถ้าตามมาตรฐานจะต้องทนความร้อนได้สูง ผ่านมาตรฐานยุโรป ใช้งานหนักได้ โดยเฉพาะในแสงสว่างในโรงงานอุตสาหกรรม ตามมาด้วยระบบป้องกันวงจรของหลอดไฟ Surge Protection ซึ่งจะช่วยป้องกันหลอดไฟเสียหายเนื่องจากไฟตกหรือไฟดับได้ นอกจากนี้ยังมีระบบความปลอดภัยอีกหลายอย่างที่ถูกออกแบบขึ้นภายในตัวหลอดไฟ LED การจะเลือกระดับความทนทานและปลอดภัยมากน้อยแค่ไหนนั้น ก็ขึ้นอยู่กับว่าเราใช้งานในพื้นที่ใดด้วย ถ้าเป็นบ้านเรือนทั่วไปก็เลือกใช้แบบมาตรฐานธรรมดาได้ แต่ถ้าใช้ภายในโรงงานอุตสาหกรรม หรือออฟฟิศต่าง ๆ ที่ต้องเปิดใช้งานกันทั้งวี่ทั้งวันอย่างหนัก ก็ควรเลือกยี่ห้อที่มีระบบครอบคลุมการป้องกันที่สูงเอาไว้ก่อนดีกว่า

จะเห็นได้ว่าในความเป็นหลอดไฟชนิดนี้มีรายละเอียดปลีกย่อยในการเลือกซื้อที่หลากหลายไม่น้อย การจะตัดสินใจว่ายี่ห้อไหนที่ควรค่าแก่การจ่ายเงินซื้อมาใช้งานนั้น ก็ลองพิจารณาจากข้อมูลด้านบนคร่าว ๆ กันดูก่อน จะได้คุ้มค่า ใช้งานได้นาน ปลอดภัยแบบไม่ต้องมาซื้อเปลี่ยนกันบ่อย ๆ

ไขข้อสงสัยหลอดไฟ led ในบ้าน ควรใช้กี่วัตต์ถึงจะพอ ?

เนื่องจากความสว่างของหลอดไฟมีหลากหลายมากในปัจจุบัน เรียกได้ว่าตั้งแต่วัตต์หลักสิบไปจนถึงหลักหลายร้อยกันเลยทีเดียว บางคนอาจคิดว่าซื้อแบบสว่าง ๆ ค่าวัตต์สูงมาเลยทีเดียวจะได้คุ้มค่า แต่มันกลับไม่ได้คุ้มอย่างที่คิด เพราะการเลือกซื้อที่ผิดวิธี ได้ราคาหลอดไฟที่แพงเกินความจำเป็น นอกจากนี้เอามาใช้งานแล้วค่าวัตต์ที่สูง ก็เท่ากับว่าไฟหลอดนั้นกินไฟมากจนไม่คุ้มค่าสักอย่าง

ค่าวัตต์จึงขึ้นอยู่กับลักษณะพื้นที่ใช้งานที่ต่างกันและขนาดของพื้นที่จะใช้ค่าวัตต์ที่แตกต่างกันออกไป ซึ่งจะต้องพิจารณาตามบรรยากาศที่ต้องการ รวมถึงปัจจัยเรื่องของสีที่ต้องการด้วย มือใหม่ที่ไม่รู้ว่าจะซื้อหลอดไฟค่าวัตต์แค่ไหนดี ก็ลองเลือกค่าวัตต์พอประมาณก่อน ราว ๆ 5-10 วัตต์ กำลังดี ซื้อมาลองติดตั้งใช้งานดูว่าได้ความสว่างที่ต้องการหรือยัง แล้วจากนั้นก็เอาค่าดังกล่าวเป็นมาตรฐานไปไว้ใช้เลือกซื้อหลอดไฟดวงอื่น ๆ ต่อไปได้มั่นใจในค่าวัตต์มากขึ้น

ถ้าจะเลือกซื้อหลอดไฟ LED สำหรับใช้งานภายในบ้านล่ะก็แนะนำว่าควรอ่านรายละเอียดในขั้นตอนการเลือกซื้อด้านบนที่เกี่ยวกับค่าวัตต์และค่าลูเมนเอามาเปรียบเทียบกันให้ดีก่อนตัดสินใจ สำหรับคำแนะนำในการเลือกใช้ภายในบ้านและที่พักอาศัย ให้เริ่มต้นเลือกที่อุณหภูมิแสงที่เหมาะสมก่อน ค่าดังกล่าวมีหน่วยเป็นเคลวิน (K) ถ้าเป็นห้องที่ต้องการบรรยากาศสบาย ๆ ผ่อนคลาย เช่น ห้องนอน, ห้องนั่งเล่น แบบนี้ให้เลือกใช้เป็นสีวอร์มไวท์ ซึ่งจะออกไปในโทนส้มอมเหลือง อุณหภูมิแสงจะอยู่ที่ 2700-3000K เป็นต้น ซึ่งคุณสามารถที่จะดูข้อมูลดังกล่าวได้ที่ตัวกล่อง

สำหรับห้องน้ำ, ห้องครัว หรือห้องทำงานภายในบ้านที่ต้องการบรรยากาศตื่นตัว ควรเลือกเป็นแสงคูลไวท์ ซึ่งจะเป็นสีโทนขาวอมเหลือง แสงที่สร้างขึ้นเลียนแบบธรรมชาติ ซึ่งจะอยู่ที่ประมาณ 4000K หรือจะเลือกใช้เป็นสีเดย์ไลท์ โทนขาวอมฟ้า มีค่าอุณหภูมิแสงอยู่ที่ 6500K ก็ได้เช่นกัน ซึ่งแสงขาวทั้งสองแบบจะให้บรรยากาศที่ตื่นตัว กระปรี้กระเปร่า เหมาะสำหรับการใช้งานภายในห้องที่ต้องทำกิจกรรม และห้องที่จำเป็นต้องการแสงสว่างที่ชัดเจน มองเห็นสิ่งต่าง ๆ ได้ดี ป้องกันอันตรายจากสภาพแวดล้อมรอบด้านได้ดีกว่า

มาดูว่าหลอดไฟ led กินไฟเท่าไหร่ คุ้มไหมถ้าจะเปลี่ยนมาใช้แทนรุ่นเก่า ?

ตัวหลอดไฟ led เป็นทางเลือกที่ช่วยให้แสงสว่างเท่า ๆ กับหลอดไฟรุ่นเก่า แต่กินไฟน้อยกว่า ซึ่งในอดีตเรานิยมใช้หลอดไส้, หลอดฟลูออเรสเซนต์ หรือหลอดนีออน ถ้าเทียบความสว่างแบบเท่ากันแล้ว ค่าการกินไฟของหลอด led จะน้อยกว่ามากเป็น 10 เท่าเลยทีเดียว เปรียบเทียบกับหลอดไส้กันง่าย ๆ เลย ถ้าหลอดไฟ led กินไฟ 20W จะให้ความสว่างได้เทียบเท่ากับหลอดไส้ที่กินไฟ 200W ดังนั้นคำตอบจึงอยู่ที่นี่แล้วว่า “มันคุ้มค่าไหมที่คุณจะเปลี่ยน” ?

นอกจากนี้ข้อดีของหลอดชนิดนี้ยังมีมากกว่าหลอดไฟรุ่นเก่ามาก มันถูกพัฒนาขึ้นมาเพื่อแก้ปัญหาต่าง ๆ ที่เคยเจอ ไม่ว่าจะเป็นความร้อนที่สูงของหลอดไส้ อายุการใช้งานที่ต่ำ และการติดตั้งที่แสนยุ่งยาก ทั้งหมดนี้จะไม่เป็นปัญหาอีกต่อไปเมื่อเลือกใช้หลอด LED ที่จะเปลี่ยนให้ห้องของคุณน่าอยู่ขึ้น ลดอุณหภูมิความร้อน และยังลดค่าไฟในระยะยาวได้อีกด้วย

หวังว่าข้อมูลทั้งหมดนี้จะเป็นประโยชน์กับทุกคนที่กำลังชั่งใจว่าหลอดไฟ LED นั้นคุ้มค่ากับการใช้งานหรือไม่ ด้วยราคาที่อาจจะแพงกว่าหลอดรุ่นเก่า ๆ แต่ถ้ามองไปให้ไกล เราจะเข้าใจว่ามันคุ้มค่ากว่ากันมากอย่างเห็นได้ชัด ดังนั้นลองแวะมาสัมผัสกับหลอดไฟ led หลากหลายแบรนด์ หลากหลายสไตล์ได้ที่ร้าน HVGROUP ร้านค้าส่งที่มีสินค้าให้คุณเลือกเยอะกว่าที่คิด พร้อมกับราคาที่จับต้องได้ ใครสนใจอยากลองสัมผัสกับหลอดไฟแบบใหม่ ๆ ลองแวะมาที่ร้านของเรา บอกเลยว่าไม่ได้แค่มือเปล่ากลับไปแน่นอนจ้า